วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2566

ทายาทแห่งความโง่เขลา

โลกใบนี้ความพอใจที่เป็นอนันต์มันไม่มีอยู่หรอก พวกเอ็งแค่รู้สึกกับสิ่งข้างเคียงในแค่ระยะเวลาสั้นๆ และถ้าจะกล่าวว่าการอาศัยอยู่บนก้อนหินโง่ๆไปที่ลอยไปแบบไม่มีเป้าหมายผสมพันธุ์และกัดกินทรัพยากรคืออารยธรรม นั้นคงเป็นความคิดที่ทุเรศสิ้นดี พวกเราแค่ถูกเวลาจับมัดรวมกัน สร้างความพึงพอใจและถูกหลอกลวงจากความโง่เขลาของตัวเอง และการแกะสลักก้อนหินให้เป็นทรงกลมก็ได้ไม่ได้เรียกว่าวิวัฒนาการด้วย มันเป็นแค่การเอาตัวรอดและหาทางออกที่สะดวกสบายแค่นั้นเอง เมื่อเราเดินผ่านจุดหนึ่งระยะเวลาระดับไมโครจากสร้างตัวตนของเราที่นับไม่ถ้วนขึ้นมา เรามีตัวเลือกต่างๆที่นับไม่ถ้วน เราอาจหยุดหรือหันไปซ้ายและขวาหรือนั้งลง ความจริงของเวลาเหล่านั้นจะจำกัดการมองเห็นของเรา เรามองเห็นสิ่งต่างๆแค่สัมผัสทางตางแค่นั้น แต่ถ้าเราใคร่ครวญให้ดี เราจะเห็นความจริงที่ต่างออกไปด้วยสติ และปัญญา และเรื่องของปัจจุบันพวกคุณจะเห็นได้ว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากๆหรือแทบจะไม่มีอยู่จริงๆเลยก็ได้ สิ่งเหล่านี้ต่างบอกถึงการมีอยู่ที่ไร้ประโยชน์และแก่นสารเชิงตรรกะ  เราแค่ถูกจำลองจากความคิดและปัจจัยต่างๆรอบข้าง สิ่งเหล่านี้มันยากเกินจะเข้าใจ คุณต้องหาให้เจอว่าหน่วยของเวลาที่เล็กที่สุดคืออะไร ระดับไมโคร นาโน พิโก ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันยากจะอธิบาย แต่จะเป็นปัจเจกบุคคลที่จะเข้าถึง ในความเร็วระดับนั้นสิ่งที่ดำรงอยู่ในรูปแบบของนามธรรม คือความคิดและสติปัญญา นั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า เป้าหมายของชีวิตเป็นแค่เรื่องหลอกลวง พวกเราแค่สร้างบทบาทและแค่อยากมีตัวตนอยู่แค่นั้นเอง ความกลัว ความเห็นแก่ตัวและการอิจฉาริษยา คือต้นกำเหนิดของวัฏจักร ตราบใดที่เราไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้เราก็เป็นได้แค่ตัวละครผู้โง่เขลา เกิดและตายอย่างไม่มีที่สุด และการสานต่อเผ่าพันธุ์ที่ไม่มีความเข้าใจก็จะขยายอานาเขตของความไม่เข้าใจเหล่านี้ให้กว้างออกไป เพราะลูกหลานเหล่านั้นก็จะเกิดและตายไม่รู้จุดจบของตนเช่นกัน