วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เตรียมตัวเดินเข้าหลักประหาร

     



                 เมื่อสติกลับคืนมา เวลาก็ผ่านไปตั้งนาน ที่สุดหลักประหารมันก็รออยู่ข้างหน้าของเราถึงแม้เราจะไม่ได้รู้แน่ชัดในวันตัดสินแต่ก็เชื่อเถอะว่าสิ่งที่อยู่ต่อหน้ามัน คือความตาย  เมี่อก่อนคนเราทุกคนต่างกลัวและไม่อยากจะพบเจอแต่จนแล้วจนรอด หลายคนก็เดินเข้าไปหามันอย่างหลีกไม่ได้ มันเป็นจุดหมายสุดท้ายบนโลกใบนี้ จุดหมายสุดท้ายของชีวิตนี้หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไรโลกหลังความตายจะมีอะไร ไม่เคยมีใครพิสูจน์ให้ชัดเจนได้เลย อาจจะเคยมีใครหลายคนที่อ้างว่าตัวเขาได้ไปเยี่ยมเยียนดินแดนหลังความตาย และกลับมาเล่าก็ไม่น้อยแต่ก็ไม่มีอะไรที่ยืนยันชัดเจนว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะที่สุด มันก็เป็นแค่การกล่าวอ้าง มันจะเป็นอย่างไรก็ตาม ถ้าเราหมั่นจดจำและกระทำแต่เรื่องดีๆ กระแสความคิดเราก็จะไม่หม่นหมองเศร้าโศก หลังจากที่เราตายลง จากร่างนี้ หากเรายังยึดติดหรือใฝ่คว้าในสิ่งที่เรายังอยากมี จิตของเราคงจะไม่หม่นหมองไม่ตกต่ำ ได้ไปสุขคติภูมิ โดยแท้ แต่กลับกันหากเราทำผิดคิดเบียดเบียน ยึดติดในสิ่งของที่เคยสร้างไว้ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ หลังจากเราหลุดจากร่างนี้กระแสความคิดเรายังหมองหม่นแน่นอนว่าเราจะต้องไปตกอยู่จมอยู่กับความยึดติดนั้นไปอีกนานเท่านาน ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าหากชาติต่อไปยังมี  ผมเองก็ไม่อยากที่จะมีชีวิต ขึ้นมาใหม่ อย่างที่ใครหลายๆคนต้องการ อยากเกิดในที่ดีๆ อยากเกิดมาในครอบครัวที่พร้อมเพรียงร่ำรวย  สำหรับผมแล้วเพราะการที่มีเราเกิดมานี้แหละ จึงมีปัญหาต่างๆตามมา แต่ละคนใช้เวลาหลอกตัวเองกันมาอย่างยาวนานเพื่อจะบอกว่านั้นคือความสุข ทั้งที่จริงแล้วมันไม่ใช่ เราแค่เผลอไปยึดติดกับสิ่งต่างๆรอบตัวเท่านั้น ผมไม่จำเป็นต้องบอกใครหรอกว่าผมรู้และเข้าใจอะไร ใครที่หลงเข้ามาอ่านบทความนี้ก็ให้ใช้พิจารณากันดูก็แล้วกัน ส่วนตัวผมเองเชื่อในวัฏจักรของชีวิต เชื่อในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา และไม่เคยสนใจต่อสิ่งต่างๆรอบตัวด้วยซ้ำ เราอยู่แค่เพราะยังต้องอยู่ เราไม่ได้อยู่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เราอยู่เพราะความโง่เขลาของตัวเราเอง ดังนั้นเราจะต้องสนใจอะไร แต่คนที่เค้าอยู่เพื่อสิ่งอื่น อยู่เพราะคิดว่าต้องเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ มันก็เรื่องของเขา เพราะที่สุดเค้าก็ไม่ได้เป็นอะไร และไม่เหลืออะไร แถมยังมีความอยากติดตัว ไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด ส่วนเราก็ช่วยอะไรเค้าไม่ได้เพราะคิดว่าทุกอย่างมันเพียงพอแล้วไม่อยากได้ไม่อยากเป็นแล้ว มันจบแล้ว จบแค่นี้ และอยู่กับสติที่เหลืออยู่ไม่ เอาความปรารถนาใดๆ มาให้กวนใจอีก แค่ระลึกมันอยู่เสมอ จนวาระสุดท้ายของลมหายใจเท่านั้นเอง  บางทีอาจมีใครต่อใครว่า เลอะเทอะ ก็แล้วแต่มันไม่มีใครห้ามกันได้แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นจริงมากก็คือ ไม่มีใครใช้ชีวิตไปและรู้ว่าลมหายใจกำลังใหลเวียนผ่านกายนี้อยู่ เพราะต่างคนต่างเพลินไปกับสิ่งยั่วยุทั้งหลาย จนลืมลมหายใจของตัวเอง มีใครบ้างที่ไม่เคยลืมลมหายใจของตัวเอง ลองบอกมาหน่อย  ต่างคนต่างหลงไปในสิ่งต่างๆ โดยให้ชีวิตตนเป็นไปตามสภาวะของธรรมชาติทั้งนั้น ไม่เคยมองสิ่งสำคัญของตัวเองเลย ติดอยู่กับความหวัง อย่างลืมตัว อายุก็ลดยวบ ไม่เหมือนคนในอดีตที่ผ่านมา ในยุคที่เค้าไม่มีความเจริญทางวัตถุ แต่เค้ามีจิตใจที่แสนจะดีงาม โกรธกัน ก็ไม่อาฆาต พยาบาท เรื่องเล็กน้อยก็อภัยแก่กัน แต่มาถึงตอนนี้ ยุคที่มนุษย์คิดว่าตนเองเก่งไม่มีใครเกิน แต่จิตใจกลับต่ำลง ฆ่ากัน ข่มขืน กระทำความหยาบช้า ด่าทอแก่งแย่งชิงดี คบชู้สู่ชาย นี้มันไม่ใช่ยุครุ่งเรือง แต่เรากำลังเดินเข้าสู่ความเสื่อมทราม ขาดสติอย่างไม่รู้ตัว  อารยธรรม ของมนุษย์กำลังจะล่มสลายในอีกไม่ช้า สิ่งนี้มันอยู่เหนือความใส่ใจ แต่ก็มีผู้ที่รู้และเตรียมพร้อมรับมือ และมอมเมาคนส่วนใหญ่เอาไว้ เพื่อไม่ให้คนหมู่มากล่วงรู้ในแผนการของเขา แต่สำหรับผมเอง จะไม่หนีและไม่ใส่ใจอะไรต่างๆ ทั้งนั้น ถึงแม้จักรวาลจะยิ่งใหญ่กว้างไกลเท่าไร แต่สุดท้ายความตายก็จะตามหาเราจนเจอ เจตนาที่แท้จริงของบทความนี้ ไม่ได้เขียนเพื่อใคร เพียงแต่ไว้เตือนสติ ตัวเอง เท่านั้นเอง


                                                                                    เขียนโดย   สุธา สุวรรณเวลา