วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562

บางที เราอาจหลงทางมา



                                
                                             บางที เราอาจหลงทางมา

 
                                         เรามาจากที่ใดและกำลังจะไปที่ใดประตูแต่ละบานที่เราเลือกมานั้นอาจจะทุกข์และเจ็บปวด แต่ที่จริงเราพอใจที่จะเลือกมันมาเอง มันอาจจะดูไร้สาระ มันอาจจะขัดกับความเชื่อของคนทั่วไป แต่เรามิใช่จะเป็นผู้เร่ร่อนอย่างไร้จุดหมายแต่อย่างใด อันที่จริงทุกชีวิตมีจุดหมายเดียวกันแต่อาจจะแค่มองไม่เห็นหนทางแค่นั้น สิ่งที่พบเจอเเละเรียนรู้ที่แตกต่างมันทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนของเป้าหมาย
หลังจากความตายแวะมาหาแต่ละครั้งจนทำให้หลายคนสะดุ้งตกใจทั้งที่รู้ว่า ความตายแน่นอนแต่ก็สร้างความหวาดกลัวได้ทุกครั้ง แล้วเราเคยตายมาแล้ว หรือไม่ ก่อนจะตายเมื่อครั้งก่อนนั้นเราอยู่ที่ใหนหรือเป็นแค่จุลชีพที่รับรู้เรื่องราวต่างๆในช่วงเวลานี้เท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนั้น ชีวิตก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องดำรงอยู่ เพราะความสุขที่แต่ละคนหาหรือความทุกข์ที่แต่ละคนแบกหามไว้ก็มีปลายทางที่เดียวกัน คือความตาย ในความรู้สึกส่วนตัวความอัศจรรย์ของชีวิตไม่ได้มีอยู่แค่นั้น อย่างน้อยสิ่งมีชีวิตสามารถส่งต่อเรื่องราวและสร้างกระแสความคิดได้มันเป็นเรื่องแปลก ที่คนคนนึง

                                กับความคิดนึงสามารถยังคงอยู่ได้หลังความตายของเขา และยังมีคนรุ่นหลังพยายามจะส่งต่อกระแสความคิดนั้นๆ ความคิดอาจจะเป็นเหมือนประตูสู่โลกใบใหม่ อาจเป็นเส้นทางหลังความตาย และจะเป็นอยู่อย่างนั้น จนกว่าทุกอย่างจะหยุดลง เราอาจเดินทางผิดที่คิดว่าความสุขมันหาได้ยากมันต้องมีปัญจัยหลายๆอย่างจึงจะสร้างความสุขได้ แต่ในความจริงยิ่งเราวิ่งตามหาความสุขเท่าไหร่ ก็ไม่เห็นว่ามันจะถูกเติมเต็มซักที กลับยิ่งกระหายในความสุขมากขึ้นไม่มีขอบเขต เพราะอะไร 
                         มันอาจจะเป็นความคิดที่ไม่มีจุด สิ้นสุด เราจึงไม่รู้จักว่าที่จริงแล้วความสุขคืออะไร แล้วมันอยู่ตรงใหน เมื่อมีชีวิตขึ้นมาก็ไม่เห็นว่าจะสุขตรงใหนเลย เจ็บปวด เศร้า เสียใจ กลายเป็นทาสของอารมณ์แค่นั้น แสดงว่า การมีชีวิตนั้นไม่ได้ช่วยให้เรารู้จักกับความสุขแต่อย่างใด
                                                       ???????????????
  

                                                                      พื้นที่ส่วนตัว
                                                                                   
                                                                              สุธา สุวรรณเวลา

วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

แด่ผู้หลงเข้ามา

         




               บางทีแค่ความรู้สึกของคนๆนึงมันก็ไม่ได้มีความหมายมากมายอะไร กับใครสักหน่อย ทั้งที่แต่ละคนก็ต้องแบกรับเรื่องราวต่างๆเอาไว้มากมาย สิ่งนั้นมันก็หนักหนาเกินพออยู่แล้วและอีกอย่าง การที่คนจะเห็นคุณค่าต่อกันนั้น มันก็ต้องมีปัจจัย เห็นความวิเศษซึ่งกันจึงจะมีโอกาสรับเอาเรื่องราวของชีวิตอีกคนและชวยกันแก้ใขปัญหาและอุปสรรคในชีวิตไปด้วยกัน โดยส่วนตัวแล้วเห็นได้ว่าโลกในทุกวันนี้มีบางอย่างที่ทำให้คนหันหลังให้กันมากกว่าแต่ก่อนมันคงจะเป็นเพราะความเจริญที่เพิ่มขึ้น ต่างคนต่างหันหน้าออกห่างและมีปัญหาต่อกันมากมายเกิดขึ้น มันเป็นความเห็นแก่ตัวที่น่ากลัวมาก และยิ่งดูเหมือว่านับวันมันก็ยิ่งจะขยายเป็นวงกว้างขึ้น ฉันเกิดในช่วงหนึ่งที่โลกใบนี้กำลังพัฒนาฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จากช่วงเวลานั้น ฉันเป็นดั่งรอยต่อของประวัติศาสตร์เล็กๆ และนำเรื่องราวที่ฉันพบเขียนเป็นบันทึกและเล่าเรื่องราวบางอย่างเอาไว้ ช่วงแรกของชีวิตฉันยังคงเห็นความสุขของคนใกล้เคียงและครอบครัวที่อบอุ่น มีท้องนา ถนนดินลูกรัง ตื่นเช้าต้องเดินเท้าไปโรงเรียน  อากาศที่แสนจะบริสุทธิ์ มันไม่บั่นทอนสุขภาพร่างกาย การไปตลาดที่มีระยะทางแค่ 13 กิโลเมตร เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากๆฉันต้องตื่นนอนแต่หัวรุ่งเพื่อออกไปรอรถโดยสารแค่ไม่กี่คันในหมู่บ้าน และเราก็ใช้เวลาค่อนวันเพื่อไปและกลับแต่บางทีในช่วงฤดูฝนมันก็จะลำบากหน่อยเพราะเส้นทางจะเต็มไปด้วยโคลนตม รถผ่านลำบากคนที่ร่วมทางโดยสารก็ต้องช่วยกันเข็นเพื่อให้ร่วมทางกันไปสู่จุดหมาย มันเป็นความสามัคคีที่เห็นกันบ่อยในสมัยนั้น การไปโรงเรียนแต่ละครั้งก็ต้องเดินไปแต่เช้า สองข้างทางเต็มไปด้วยท้องนา มีลูกไม้ที่พอกินได้ก็เก็บกินแม้มันจะไม่ใช่ของอร่อยแต่ มันก็มีความสุขที่ได้กิน มีเพื่อนๆแย่งกันกินอย่างสนุกสนาน กลับจากโรงเรียนต้องต่อแถวเดินตามหลังกันมีคนที่บ้านอยู่ไกลหน่อยก็จะถือธงเป็นหัวหน้านำแถว พอเวลาผ่านไปฉันก็เริ่มมีจักยาน ขี่ไปโรงเรียนเป็นช่วงที่ความเจริญเริ่มเข้ามาเริ่มมีทีวีใช้ แต่การติดต่อทั่วไปก็ยังคงใช้จดหมายเพราะยังไม่มีบริการโทรศัพย์ในชนบท ฉันเริ่มเห็นคนเริ่มใช้ชีวิตอยู่กับตัวเอง เริ่มมีการส่งจรวดขึ้นสู่อวกาศ และจากนั้นมาก็มีความเจริญของเทคโนโลยีเข้ามาเรื่อยๆไม่ขาดทุกอย่างเริ่มกระจายตัวเข้าสู่ชนบทเริ่มจากมีตู้โทรศัพย์สาธารณะ ช่วงนั้นฉันก็อายุพอเข้าวัยรุ่นก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้โดยไม่รู้ว่าความเจริญที่เริ่มเข้ามาจะเริ่มทำลายความสุขมี่เคยมีมาแต่ก่อน และสิ่งที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น คนเริ่มติดความสุขสบาย เริ่มหันหลังให้กันความสามัคคีเริ่มหายไปแต่ละคนก็เริ่มคุยกันน้อยลง ท้องทุ่งนาไม่มีเหมือนแต่ก่อนแต่ละบ้านมีรถเป็นของตัวเอง ถนนหนทางสะดวกขึ้น แต่ความตายบนท้องถนนก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ความรักของคนเริ่มเปลี่ยนไปเป็นความเห็นแก่ตัว ผัวเมียแยกทางกันก็มีบ่อยขึ้น เพราะการติดต่อพูดคุยกันมันง่ายคนก็หลงไปกับสิ่งที่เข้ามาจนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันเป็นคือภัยเงียบๆที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น ก็เห็นได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่ฉันกลัวมันก็เกิดขึ้นจริงๆ ครอบครัวแต่ละบ้านก็มีปัญหาขัดแย้งมากมายขึ้นมากสุดท้ายเราก็ตกเป็นทาสของความเจริญ แล้วต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นอีกก็คงต้องรอดูกันไป โลกเริ่มหมุนช้าลงและจะหยุดลงตลอดกาล สูญสิ้นเผ่าพันธุ์ผู้เพลินกับสิ่งต่างๆ และเริ่มใหม่กำเนิดใหม่พัฒนาการใหม่ ทุกอย่างหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่สิ้นสุด ความอยากของคนก็ไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนกัน เรามองแต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าจนลืมมองตนเอง สิ่งเหล่านี้จะเพิ่มความเห็นแก่ตัว เพราะการเห็นคนอื่นนั้นเราเปลี่ยนมันไป คือไม่ได้ดูคนอื่นด้วยความรักอีกแล้วแต่มองดูกันด้วยความอิจฉา  ท้ายสุดอะไรจะเกิดขึ้น คนที่เหลือก็คงต้องใช้สติ ตระหนักในตัวเอง อะไรที่มากไปเกินพอดี มันก็จะสร้างหายนะได้เอาง่ายๆ




                                                              พื้นที่ส่วนตัว
                                                                        สุธา สุวรรณเวลา

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2562

แต่ละชีวิตย่อมเต็มไปด้วยบาดแผล

                                     


                                     แต่ละชีวิตย่อมเต็มไปด้วยบาดแผล
 หลายๆครั้งที่ฉันพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องราวหลายๆอย่าง ฉันนั้นก็เห็นว่าสิ่งที่เราพยายามเข้าใจมันนั้นกลับ หันหน้าเข้ามาทำร้ายเรา  ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรือที่ๆยังมาไม่ถึง สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนมีดที่คอยเสียดแทง อยู่ตลอดเวลา ฉันกังวลกับมันมากไปใช่ไหม คำถามเหล่านี้เริ่มวิ่งเข้ามาในหัว และที่จริงมันก็เป็นเช่นนั้น เพราะคนที่ล้มเหลวมาทั้งชีวิตอย่างฉันนั้น คงไม่มีทางจะหาทางออกจากความเจ็บปวดเหล่านั้นได้เลย มันเป็นดังตราปาบที่ติดตามเหมือนดั่งเงา ฉันคงไร้ค่าและโดนมองข้ามไปตลอดชีวิต ใช่ไหม และนี่คือสิ่งสุดท้ายที่ติดอยู่ในสมองของฉัน  มันเป็นอย่างนั้นมาเนิ่นนาน 
                         แต่แล้ววันนึงก็มาถึง วันที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน วันที่ยังมีใครสักคนที่เห็นความสำคัญของชีวิตคนๆนี้  ทั้งที่จริงแล้วฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความล้มเหลวของฉันจะเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับคนอื่นมันน่าแปลกใจ จากที่ฉันนั้นเคยพ่ายแพ้ไปนั้นแสงสว่างจากดวงตาของเธอเริ่มทำให้ฉันนั้นกลับมาเริ่มต้นได้อีกครั้ง ความเจ็บปวดต่างๆเริ่มหายไป ฉันกลับมายืนได้  เพียงเพราะกำลังใจเล็กๆ นี้ มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ของชีวิต และบางทีเรื่องเหล่านี้ก็อาจจะเกิดขึ้นกับใครหลายๆคนด้วยเช่นกัน ตอนนี้ฉันจึงเชื่อว่า ทุกคน ไม่ได้พ่ายแพ้หรืออ่อนแอต่อสิ่งรอบข้างแต่อย่างใด แต่คุณกำลังพ่ายแพ้และอ่อนแอต่อใจตัวเองมากกว่า ความฝัน ความปราถนา และโชคชะตา ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งน่ากลัว จงมองดูมันด้วยสติ อย่ามองมันด้วยความหลงไหล เพราะท้ายที่สุด สิ่งเหล่านั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเช่นอย่างฉันที่เคยผ่านมา  แม้มันอาจจะใช้เวลาในการเยียวยา ความเจ็บปวดเหล่านั้นไปได้ แต่ร่องรอยบาดแผลของความทรงจำยังจะตามติดเราไปตลอด ตราบวันสุดท้ายของชีวิตเราเอง


                                                              ที่ส่วนตัว
                                                                            สุธา สุวรรณเวลา